ดาบ ดาว ดาบจีน | Dao Chinese Sword

Chinese Dao sword
บทนำ
Dao เป็นดาบจีนที่มีคมเดียว ใช้สำหรับเฉือนและฟันเป็นหลัก ดาบ Dao มีลักษณะเหมือน Sabre และมักจะเรียกชื่อนี้ในภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังถูกเรียกว่าดาบ broadsword อีกด้วย เนื่องจากมันมีใบดาบที่ใหญ่ อย่างไรก็ตามดาบนี้ไม่ใช่ดาบ broadsword ของยุโรป

ในจีน ดาบ Dao เป็น 1 ใน 4 อาวุธที่สำคัญที่พกไปพร้อมกับปืน หอกและดาบ


ลักษณะทั่วไปของดาบ
ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาดาบ Dao มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างมาก ดาบ Dao เป็นดาบคมเดียวที่นิยมมากที่สุดในช่วง ค.ศ. 1368–1644 (ยุค Ming)

ดาบมีความโค้งปานกลางและมีความคมด้านเดียว แต่ปลายของดาบมักจะถูกลับให้คมเพื่อให้เหมาะกับการแทง บางครั้งด้ามจับก็เอียง โค้งในทิศตรงกันข้ามกับใบดาบซึ่งจะช่วยในการจับดาบให้ถนัดยิ่งขึ้น ที่จับไม้มักถูกพันไว้

Guards มักเป็นทรงถ้วยซึ่งจะป้องกันน้ำฝนไม่ให้ไหลเข้าในฝักและป้องกันไม่ให้เลือดข้าศึกไหลลงถึงมือ บางครั้ง Guards เป็นเพียงแผ่นโลหะบาง ๆ เท่านั้น


ดาบสมัยใหม่
ดาบบางส่วนจากราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) ได้สืบทอดสู่ลูกหลานจนถึงศตวรรษที่ 20 ดาบยังคงถูกใช้โดยทหารบางหน่วย เนื่องจากขาดแคลนอาวุธปืน มักจะใช้ในการซุ่มโจมตีเป็นหลัก

โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้จีนส่วนใหญ่ยังคงฝึกอบรมโดยใช้ดาบ Dao อย่างกว้างขวาง มันเป็นเครื่องมือเครื่องที่มีประสิทธิภาพและเป็นอาวุธที่สามารถใช้เทคนิคการป้องกันตัวเองได้หลากหลาย



บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). XXXXXXXXXXX. ค้นข้อมูล วันที่ มกราคม 2558. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/XXXXXXXXXXX

ดาบ กันโตะ ดาบญี่ปุ่น | Guntō Japanese Sword

บทนำ
Guntō (ดาบทหาร) เป็นชื่อที่ใช้ในการอธิบายดาบญี่ปุ่นที่ผลิตเพื่อการใช้งานโดยกองทัพญี่ปุ่นและกองทัพเรือหลังจากการสิ้นสุดของยุคซามูไรในปี ค.ศ.1868

ดาบกันโตะ (Guntō)

ในช่วงปี ค.ศ. 1868-1912 เกราะซามูไร อาวุธและแนวคิดค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยอิทธิพลของอาวุธและยุทธวิธีทางตะวันตก ญี่ปุ่นพัฒนาทหารเกณฑ์ในปี 1872

ซามูไรสูญเสียสถานะที่เหล่าซามูไรเขาได้รับเป็นเวลาหลายร้อยปีในฐานะผู้คุ้มครองเมืองญี่ปุ่น

ดาบ Guntō ถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในกองทัพใหม่ ซึ่งมาแทนที่ดาบที่สวมใส่โดยซามูไร


ประวัติศาสตร์ของดาบกันโตะ



ประเภทของดาบ Guntō




บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Guntō. ค้นข้อมูล วันที่ มกราคม 2558. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Guntō

ดาบ โยโรยโดะชิ ดาบญี่ปุ่น | Yoroidōshi Japanese Sword

ดาบ โยโรยโดะชิ
(Yoroidōshi)
บทนำ

yoroidōshi มีความหมายว่า "แทงทะลุเกราะ" เป็นหนึ่งในประเพณีการทำดาบญี่ปุ่น (nihontō) ที่ได้รับการสวมใส่โดยชั้นซามูไร เป็นอาวุธในระบบศักดินาญี่ปุ่น


คำอธิบายของดาบโยโรยโดะชิ

ดาบ yoroidōshi เป็นดาบแทนโตะ (Tantō) ที่มีความหนาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในการแทงข้าศึกในการต่อสู้ระยะประชิด ดาบมีความยาว 20-22 ซม. แต่มีบางตัวอย่างที่มีความยาวไม่ถึง 15 ซม. ดาบ Yoroidōshi ถูกสวมใส่ในเข็มขัดด้านหลังหรือด้านขวา


ภาพตัวอย่างดาบโยโรยโดะชิ





บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Yoroidōshi. ค้นข้อมูล วันที่ มกราคม 2558. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Yoroidōshi

ดาบ ยูชิกาตานา ดาบญี่ปุ่น | Uchigatana Japanese Sword

ดาบ ยูชิกาตานา
(Uchigatana)
บทนำดาบ
Uchigatana เป็นชนิดของดาบญี่ปุ่นที่สวมใส่โดยซามูไรชั้นศักดินาของญี่ปุ่น ดาบ Uchigatana เป็นทายาทของดาบทาชิ (Tachi)

"Uchi" แปลว่า "เพื่อโจมตี" และ "gatana" มาจากคำว่า katana ซึ่งแปลว่า "ดาบ" ดังนั้น Uchigatana จึงแปลว่า "ดาบเพื่อโจมตี"


ประวัติย่อของดาบ
ในช่วงยุค Heian (ค.ศ. 794-1185) ถึงยุค Muromachi (ค.ศ. 1336-1573) ดาบหลักในสนามรบจะเป็นดาบทาชิ ใบดาบและรูปร่างของดาบเหมาะกับการใช้งานบนหลังม้า เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 15 การใช้ดาบ Uchigatana เริ่มที่จะแพร่หลาย


ประวัติศาสตร์ของดาบยูชิกาตานา
ดาบ Uchigatana ที่ทำขึ้นในช่วงยุค Kamakura (ค.ศ. 1185-1333) มักจะมีมาตรฐานไม่สูง เพราะดาบได้รับการพิจารณาว่าควรใช้แล้วทิ้ง แทบไม่มีตัวอย่างของดาบในยุคนั้นให้เห็นในปัจจุบัน

จนกระทั้งยุค Muromachi (ค.ศ. 1336-1573) ซามูไรเริ่มที่จะใช้ดาบ Uchigatana โดยใช้เป็นดาบสำรอง มีดาบหลักคือดาบทาชิ

ในช่วงยุค Momoyama (ค.ศ. 1568-1603) ดาบทาชิเกือบทั้งหมดถูกทิ้ง และเหล่าซามูไรหันมาใช้ดาบคู่ของ Uchigatana โดยมีด้ามยาวและด้ามสั้นคู่กัน เรียกว่า Daisho กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของซามูไร


คำอธิบายเกี่ยวกับดาบ
ใบดาบที่ผลิตขึ้นในช่วง ค.ศ. 1500 มีความยาว 60 ซม. แต่ไม่เกิน 70 ซม. เป็นดาบที่บาง ดาบนี้สามารถใช้มือเดียวได้เนื่องจากดาบค่อนข้างเบา

เมื่อเทียบกับดาบทาชิแล้ว ดาบ Uchigatana มักจะถูกสวมใส่ที่ขอบบนของเข็มขัด โดยปกติแล้วดาบ Uchigatana จะมีขนาดเล็กกว่าดาบทาชิ

เนื่องจากดาบ Uchigatana ถูกสวมใส่ที่แตกต่างจากดาบทาชิ ลายเซ็นและการแกะสลักลงในดาบก็ไม่เหมือนกัน การแกะสลักจะตรงข้ามกับดาบทาชิ

ดาบ Uchigatana เป็นที่นิยมเนื่องจากหลายสาเหตุ เช่น เป็นดาบที่มีความสะดวกสะบายในการสวมใส่ มันสามารถใช้งานได้เร็วในสนามรบ


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Uchigatana. ค้นข้อมูล วันที่ มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Uchigatana

ดาบ วาคิซาชิ ดาบญี่ปุ่น | Wakizashi Japanese Sword

วาคิซาชิ (Wakizashi) มีความหมายว่า "ดาบที่แทรกอยู่ด้านข้าง" เป็นประเภทของดาบญี่ปุ่นที่ใช้โดยซามูไรชั้นศักดินาของญี่ปุ่น

ดาบ Wakizashi (สีน้ำตาล) มักพกไปคู่กับดาบอื่น ๆ

ดาบ Wakizashi มีใบดาบยาวตั้งแต่ 30 ถึง 60 ซม. มีความยาวใกล้เคียงกับดาบ Katana ดาบ Wakizashi มักถูกสวมใส่ร่วมกับดาบ Katana เป็นเหมือนเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าผู้สวมใส่ดาบนี้เป็นซามูไร

ดาบ Wakizashi มักถูกใช้เป็นดาบสำรองหรือดาบช่วย มันใช้ได้ดีในการต่อสู้ระยะประชิด หรือใช้ตัดหัวข้าศึกที่พ่ายแพ้ หรือแม้แต่การทำ "ฮาราคีรี"(การคว้านท้อง)

ในช่วงปี ค.ศ. 1638 ได้มีการออกกฏว่าผู้ที่จะสวมดาบ Wakizashi ได้นั้นจ้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาติเท่านั้น


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Wakizashi. ค้นข้อมูล วันที่ 10  มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Wakizashi

ดาบ แทนโตะ ดาบญี่ปุ่น | Tantō Japanese Sword

แทนโตะ (Tantō) แปลว่า "ใบมีดสั้น" เป็นหนึ่งในประเพณีการทำดาบของญี่ปุ่น กาบได้รับการสวมใส่โดยซามูไรชั้นศักดินาของญี่ปุ่น ในบางยุค Tantō กลายเป็นดาบหลักในการต่อสู้ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดาบ Tantō มีความหรูหรามากขึ้น มันถูกนำมาใช้ในศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมและแพร่ไปทางทิศตะวันตกในช่วงปี 1980 มันกลายเป็นมีดต่อสู้ในสมัยใหม่ (Fighting knife)

ดาบ Tantō โบราณ มีความยาวประมาณ 24.8 ซม.

โดยทั่วไป Tantō จะถูกเรียกว่า"มีด"หรือ"กริช" มีความยาว 15 ถึง 30 เซนติเมตร Tantō  ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอาวุธสำหรับแทง แต่คมของมันสามารถสร้างความบาดเจ็บได้มากเช่นกัน ดาบ Tantō มีทั้งแบบมีคมด้านเดียวหรือคมทั้งสองด้าน มันเป็นดาบที่มีความหนามาก(เมื่อเทียบกับขนาดของมัน) ซึ่งใช้สำหรับแทงสิ่งที่แทงเข้าได้ยาก ดาบ Tantō จะถูกพกโดยซามูไรเท่านั้น

ดาบ Tantō มีหลากหลายแบบ

ดาบญี่ปุ่นโบราณ Tantō






บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Tantō. ค้นข้อมูล วันที่ 10 มกราคม 2558. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Tantō

ดาบ โอดาชิ ดาบญี่ปุ่น | Ōdachi Japanese Sword

ดาบ Nodachi/ōdachi
ดาบ ōdachi มีความหมายว่า "ดาบใหญ่" ซึ่งเป็นหนึ่งในประเพณีการทำดาบญี่ปุ่น ดาบขะถูกใช้โดยซามูไรชั้นศักดินาของญี่ปุ่น

ดาบ nodachi มีความหมายว่า "ดาบสนาม" เป็นประเภทเดียวกันของดาบ ōdachi

โดยทั่วไปดาบ ōdachi จะมีความยาวของคมมีดประมาณ 91 เซนติเมตร แต่ไม่แน่นอนเสมอไป


จุดประสงค์การใช้ดาบ ōdachi
ส่วนใหญ่มักจะมี 2 จุดประสงค์หลัก ๆ คือ ใช้ในราชพิธีและใช้เป็นดาบของทหารม้า แต่อาจจะแบ่งได้อีกดังนี้

  • ใช้แก้บนต่าง ๆ
  • ความยาวของดาบประมาณ 165-178 เซนติเมตร ซึ่งไม่เหมาะกับการต่อสู้ระยะไกล้ แต่มีความเชื่อกันว่า ดาบน่าจะถูกใช้โดยผู้ที่ขี่ม้า โดยการฟันดาบจากหลังม้า ทำให้ข้าศึกไม่สามารถเข้าใกล้ตัวทหารม้าได้
  • ใช้ในงานพิธีเนื่องจากเป็น"เทรน"ในสมัยนั้น


การผลิตดาบ
Ōdachi เป็นดาบที่ผลิตออกมายากในสมัยนั้น เนื่องจากมันต้องใช้ความร้อนที่เพียงพอ ต้องให้ความร้อนที่เท่ากันตลอดความยาวของดาบ มันเป็นดาบที่ยาว มันจึงเป็นดาบที่ผลิตยาก นอกจากนี้กระบวนการชุบแข็งก็ทำได้ยากเช่นเดียวกัน

การขัดดาบให้เงานั้นมีวิธีแตกต่างจากดาบอื่น ๆ ทั่วไป คือ จะห้อยดาบลงมาจากเพดานหรือวางไว้ในตำแหน่งหนึ่ง ๆ แล้วย้ายหินไปขัด (ดาบทั่วไปจะย้ายดาบไปหาหินขัด)

ดาบ Ōdachi มีความต้องการมากขึ้น และเป็นเรื่องยากที่จะหามา ดังนั้นจึงมีแนวโน้มสูงที่เราจะต้องทำดาบขึ้นมาเอง


วิธีการใช้ดาบ Nodachi/ōdachi
ดาบ Ōdachi มีความยาวมากเกินที่จะเหมาะกับซามุไร มันไม่สามารถชักดาบขึ้นมาฟันข้าศึกได้ทันการ


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Ōdachi . ค้นข้อมูล วันที่ มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Ōdachi

ดาบ ทาชิ ดาบญี่ปุ่น | Tachi Japanese Sword

ดาบทาชิ (Tachi) เป็นประเภทของดาบญี่ปุ่นที่ใช้โดยซามูไรชั้นศักดินาของญี่ปุ่น ดาบทาชิเป็นดาบรุ่นก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นดาบคาตะนะ (Katana) ดาบทาชิปรากฏขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 12

ดาบทาชิ (Tachi )

ปลายดาบทาชิ
ดาบทาชิถูกปลอมแปลงขึ้นในช่วง ค.ศ. 1596 ข้อแตกต่างระหว่างดาบทาชิกับดาบคาตะนะคือ ดาบคาตะนะจะคว่ำคมลง ส่วนดาบทาชิจะหงายคมขึ้น

ดาบทาชิของแท้จะมีความยามของคมดาบเฉลี่ย 70-80 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับดาบคาตะนะแล้ว ดาบทาชิจะเบากว่า








ดาบทาชิ (Tachi )

การใช้ดาบทาชิ
นักเขียนท่านหนึ่งชื่อ Karl F. Friday กล่าวไว้ว่า ก่อน ค.ศ. 1300 ไม่เคยมีผู้ใดเขียนหรือวาดภาพที่แสดงให้เห็นว่าดาบนี้ถูกใช้ในขณะที่ขี่ม้า


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Tachi. ค้นข้อมูล วันที่ 9 มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Tachi

ดาบ โชกุโต่ะ ดาบญี่ปุ่น | Chokutō Japanese Sword

ดาบตรง
(Chokutō)
Chokutō มีความหมายว่า "ดาบตรง" เป็นหนึ่งในดาบคมเดียวของญี่ปุ่นที่ผลิตออกมาก่อนศตวรรษที่ 10 รูปร่างพื้นฐานของดาบมีลักษณะคล้ายกับดาบจีนโบราณ ดาบ Chokutō นิยมใช้โดยการแทง มักห้อยดาบไว้ที่เอว

Chokutō เป็นหนึ่งในดาบที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของดาบญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าดาบนี้มีลักษณะและพื้นฐานการขึ้นรูปเหมือนดาบจีนโบราณ เป็นไปได้ว่าญี่ปุ่นซื้อดาบมาจากจีนในช่วงศตวรรษที่ 1-3

ดาบถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับช่างตีดาบ แต่สิ่งที่โด่ดเด่นในดาบ Chokutō คือ มีใบมีดที่ตรง เน้นการแทง

ด้ามของดาบ Chokutō
ดาบ Chokutō ดั่งเดิมในปัจจุบันมีให้เห็นน้อยมาก แต่ก็ยังพอที่จะใช้ในการจำแนกประเภท

ดาบ Chokutō


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Chokutō. ค้นข้อมูล วันที่ มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Chokutō

ดาบ คาตานะ ดาบญี่ปุ่น | Katana Japanese Sword

ดาบ Katana โดย Masamune
ศตวรรษที่ 14 มีความยาวใบมีด 70.6 ซม
ดาบคาตานะในอดีตเป็นหนึ่งในปรเพณีการทำดาบของชาวญี่ปุ่น ดาบถูกใช้โดยซามูไรของญี่ปุ่น ในยุคใหม่นี้ดาบคาตานะไม่ได้ทำขึ้นจากวัสดุดั้งเดิมและไม่ใช้วิธีการทำแบบเดิม ๆ ดาบคาตานะมีลักษณะเด่นคือดาบจะมีความโค้งและเรียว มีคมด้านเดียว มีด้ามจับยาวเพื่อรองรับการถือดาบสองมือ ที่กั้นระหว่างใบมีดและด้ามจับมีลักษณะสี่เหลี่ยมหรือทรงกลม


ซามูไรสมัยก่อน พร้อมดาบ Katana
ประวัติศาสตร์

การตีของดาบในญี่ปุ่นถูกแบ่งออกเป็นช่วงเวลาดังนี้
  • Jokoto (ดาบโบราณจนถึงประมาณ ค.ศ. 900)
  • Koto (ดาบเก่าจาก ค.ศ. 900-1596)
  • Shinto (ดาบใหม่ ค.ศ. 1596-1780)
  • Shinshinto (ดาบใหม่ใหม่ ค.ศ. 1781-1876)
  • Gendaito (ดาบที่ทันสมัย ค.ศ. 1876-1945)
  • Shinsakuto (ดาบทำใหม่ ค.ศ. 1953-ปัจจุบัน)
ในการใช้คำว่า "Katana" ในตอนแรกเป็นคำอธิบายถึงดาบที่ยาว ดูเหมือนจะบางบอกถึงสไตล์ที่แตกต่างไปจากดาบอื่น ๆ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายน้อยและดาบนี้ทำมาเพื่อนักรบชั้นล่าง

ดาบ Katana น่าจะเริ่มต้นใช้งานในช่วง ค.ศ. 1337-1573 ประมาณ ค.ศ. ได้มีการประทับตรา "Katana" ไว้บนดาบ มันเป็นดาบที่เหมาะกับซามูไรมาก

ดาบโบราณญี่ปุ่น, Katana
ต่อมาดาบ Katana ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ซามูไรเนื่องจากรูปแบบของสงครามได้เปลี่ยนไป มันเป็นดาบที่สามารถฟันได้เร็วเนื่องจากมันเบากว่า นอกจากนี้ Katana ยังเหมาะกับการแทงข้าศึกอีกด้วย

ความยาวของใบมีดดาบคาตานะมีความแตกต่างกันอย่างมากในช่วงของประวัติศาสตร์ ในช่วงปลายทศวรรษที่ 14 และต้นศตวรรษที่ 15 ใบดาบ Katana มีความยาวระหว่าง 70 และ 73 ซม. ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ความยาวของใบดาบสั้นลงเหลือเพียงเฉลี่ย 60 ซม. ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ความยาวเฉลี่ยกลับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 73 ซม.

ดาบ Katana มักจะมีคู่ของมันซึ่งจะสั้นกว่าเรียกว่า daishō ซึ่งมีเพียงผู้มีศักดิ์เป็นซามูไรเท่านั้นที่สามารถพกได้


ดาบโบราณญี่ปุ่น, Katana
สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

ในประเทศญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1945-1953 ได้มีการห้ามตีดาบ Katana ขึ้นหรือแม้กระทั้งทำเป็นเพียงศิลปะ ดาบหลายด้ามถูกยึดและถูกทำลายไป แม้ช่างตีดาบก็ถูกปิดชีพ ในปี ค.ศ. 1953 ได้เริ่มมีการอนุญาตให้ตีดาบ Katana ขึ้นแต่อยู่ในข้อจำกัดมากมาย และต้องไปขออนุญาตโดยมีใบประกอบวิชาชีพตีดาบ 5 ปี ในแต่ละเดือนจะตีดาบยาวได้ไม่เกิน 2 ด้าม และดาบที่ตีขึ้นนั้นจะต้องนำมาลงทะเบียนโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่ได้ขออนุญาตจะไม่มีสิทธิ์ในการตีดาบ

นอกประเทศญี่ปุ่นได้มีการตีดาบ Katana ขึ้นโดยมีขนาดและรูปร่างที่เหมือนดาบในญี่ปุ่น โดยใช้วัสดุที่ทันสมัย (เช่น L6 and A2) ดาบที่ทำจากวัสดุที่ทันสมัยเหล่านี้มีความแข็งแกร่งสูงและเกิดความเสียหายต่อดาบได้น้อยกว่า

ดาบ Katana ถูกผลิตออกมาจากหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน และทำขึ้นมาในปริมาณที่มาก มีวิธีการผลิตที่หลากหลายแตกต่างกันไป


ดาบ Katana ญี่ปุ่นที่มีการแกะสลักบนใบมีด
ดาบ Katana สมัยใหม่

ในช่วงยุค Meiji  ศักดิ์ซามูไรค่อยๆถูกยกเลิกสิทธิพิเศษ เช่น สิทธิที่จะถือดาบออกมาในที่สาธารณะ


การจัดเก็บและการบำรุงรักษาดาบ

ถ้าการจัดเก็บหรือการบำรุงรักษาเกิดความผิดพลาด อาจทำให้ใบดาบเสียหายและไม่สามารถแก้ไขได้ ใบดาบควรวางในแนวนอนในฝักและโค้งลง มันจำเป็นอย่างยิ่งที่ใบมีดจะยังคงมีน้ำมันเล็กน้อย หากไม่มีน้ำมันเคลือบ ใบมีดจะขึ้นสนิมอย่างรวดเร็ว ดั่งเดิมนั้นชาวญี่ปุ่นใช้น้ำมัน choji oil (น้ำมัน 99% แร่และน้ำมันกานพลู 1% เพื่อให้น้ำมันมีกลิ่นหอม)


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Katana. ค้นข้อมูล วันที่ 8 มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Katana

สัณฐานวิทยาของดาบ | Morphology of Sword

ลักษณะของดาบ

ดาบประกอบด้วยใบมีดและด้ามจับ ส่วนฝักนั้นใช้สำหรับครอบส่วนที่เป็นใบมีดไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน

ใบมีด (Blade)
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการออกแบบรายละเอียดของใบมีดดาบ ภาพด้านล่างนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะของดาบทั่วไปในยุคกลางของยุโรป

ส่วนประกอบของดาบ

ด้ามจับ (Hilt)
ใบมีดเหล็กในช่วงแรกนั้นจะมีปลายที่กลม ดาบเหล่านี้ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการแทงข้าศึก หากเกราะของข้าศึกมีความแข็งแกร็ง ดาบจะถูกทำให้ปลายแหลมมากขึ้นเพื่อให้ดาบสามารถแทงทะลุชุดเกราะได้

ใบมีดในส่วนที่ใช้ฟันนั้นจะมีลักษณะที่กว้างและบาง และมักจะมีร่องตรงกลาง เรียกว่าฟุลเลอร์(Fuller) ซึ่งจะทำให้ใบดาบมีน้ำหนักน้อยลง แต่ยังคงความแข็งแกร่งของดาบไว้ ขอบของใบดาบเกือบขนานกันทั้งสองฝั่ง ใบดาบที่เน้นการแทงจะมีลักษณะที่หนากว่า

ด้ามจับ (Hilt)
ด้ามจับเป็นคำที่รวมชิ้นส่วนที่ใช้เพื่อให้ใช้ดาบได้คล่องตัวมากขึ้น ซึ่งด้ามจับจะประกอบด้วยด้ามจับ(Grip) ส่วนกลมที่ปลายด้ามจับของดาบ (Pommel)และที่ป้องกัน(Guard) ในช่วงก่อนยุคไวกิ้ง ดาบมีเพียงใบมีดและด้ามจับแบบกางเขนเท่านั้น ที่ป้อมกันถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการลื่นไถลจากมือ


บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Sword. ค้นข้อมูล วันที่ 7 มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Sword

ประวัติย่อของดาบ | Brief History of Sword

ดาบยาว
(Long Sword )
ดาบสั้น (กริช)
(Dagger)
ดาบเป็นอาวุธมีดชนิดหนึ่งซึ่งใช้สำหรับ "ฟัน" หรือ "แทง" สำหรับคำนิยามที่ถูกต้องของดาบในยุคประวัติศาสตร์นั้นอาจหมายถึง "ใบมีดตรงและมีด้ามจับ" นอกจากนี้อาจยังหมายถึงอาวุธที่มีขอบเพียงด้านเดียว (BackSword)

คำว่า Sword มาจากภาษาอังกฤษยุคโบราณ swert ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก swer ซึ่งแปลว่า "เพื่อตัด เพื่อฟัน" ในแต่ละที่จะมีคำเรียกที่แตกต่างกันไป เช่น
  • แถบตะวันออกกลาง เรียก "ดาบ" ว่า "saif"
  • จีน เรียก "ดาบ" ว่า "dao"
  • ญี่ปุ่น เรียก "ดาบ" ว่า "katana"
ในอดีตนั้น ดาบถูกพัฒนามาตั้งแต่ยุคสำริด (Bronze Age) มันถูกพัฒนามาจากกริช (Dagger; ดาบสั้น) ได้พบหลักฐานดาบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งอยุ่ในช่วง 1,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่อมาถึงยุคเหล็ก ดาบยังคงค่อนข้างสั้นและด้ามจับยังไม่พัฒนาไปไกล ใน"ยุคกลาง" ดาบถูกพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในกองทัพโรมัน (เรีกยว่าดาบ Spatha) และเข้าสู่ยุคการพัฒนาอาวุธดาบอย่างจริงจัง

ผู้ที่ใช้ดาบเป็นอาวุธจะถูกเรียกว่า"นักดาบ" (Swordsman) ในช่วงต้น"ยุคใหม่" ดาบถูกพัฒนามาเป็นกระบี่ (Rapier) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าดาบ


ประวัติศาสตร์ของดาบ

ยุคสำริด (Bronze Age)


ดาบที่ถูกสร้างขึ้นในช่วง 1,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ในช่วงปลายสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราชในตะวันออกกลาง "ดาบ"ถูกพัฒนามาจาก"กริช" ซึ่งต้องการให้ใบมีดยาวกว่าเดิมเท่าที่จะเป็นไปได้ ในช่วงแรกดาบทำมาจากธาตุทองแดง-สารหนู ต่อมาใช้ธาตุดีบุก-ทองแดง อาวุธดาบที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยพบอยู่ที่ Arslantepe ในประเทศตุรกี ซึ่งมีอายุประมาณ 3300 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ดาบที่เก่าแก่ที่สุด (มีดาบที่เก่าแก่กว่านี้ แต่ไม่เคยพบ) ดาบที่พบมีความยาวมากกว่า 60 เซนติเมตร เป็นดาบที่หายากและไม่ค่อยทำขึ้นเนื่องจากทองสัมฤทธิ์ค่อนข้างอ่อนและใบมีดสามารถบิดโค้งงอได้ง่าย ในยุคนี้ดาบยังไม่พัฒนาดาบให้แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ทองสัมฤทธิ์มักจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับเช่นกัน

ดาบที่ถูกสร้างขึ้นในช่วง 1,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ด้ามจับทำจากไม้หรือทองสัมฤทธิ์ (มักจะตกแต่งเป็นลายรูปเกลียว) ด้ามจับถูกออกแบบมาเพื่อให้พอจะจับดาบได้และเพื่อป้องกันไม่ให้มือลื่นไถลไปถูกคมดาบในขณะที่กำลังฟัน ใบดาบในยุคแรกมักจะเล็กและเรียว เน้นการแทงเป็นหลัก ต่อมาใบดาบกว้างมากขึ้นซึ่งออกแบบมาเพื่อทั้งฟันและแทง

ลักษณะของใบดาบจะเป็นรูปทรงใบไม้ ก่อนจะสิ้นสุดยุคสำริด ดาบถูกแพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรป

ดาบรูปเพรช
(Sword of Goujian)
(http://benotdefeatedbytherain.blogspot.com/)
ในช่วงยุครณรัฐ* เทคโนโลยีดาบทองสัมฤทธิ์ในประเทศจีนถึงจุดสูงสุด ดาบถูกทำขึ้นแบบไม่ซ้ำกัน ใช้วิธีการผลิตที่ดีกว่า เช่น การหล่อดาบขึ้น โดยใช้ส่วนผสมที่เหมาะสม ขอบของดาบจะมีส่วนผสมของดีบุกมากกว่า ซึ่งจะทำให้ส่วนนี้อ่อน และตรงส่วนกลางขอบดาบจะใช้ส่วนผสมที่มีดีบุกสูง ซึ่งทำให้ส่วนนี้มีความแข็ง นอกจากนี้ยังมีการทำดาบรูปเพรชขึ้นอีกด้วย (Sword of Goujian)

*เป็นชื่อยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนโบราณ ถัดจากยุควสันตสารท และสิ้นสุดลงเมื่อฉินฉื่อหฺวังตี้รวมแผ่นดินในปีที่ 221 ก่อนคริสตกาล เป็นผลให้รัฐต่าง ๆ ที่รบรากันได้รวมเป็นหนึ่ง คือ จักรวรรดิฉิน



ยุคเหล็ก (Iron Age)


Hallstatt 'C' Swords
(ดาบในช่วงต้นยุคเหล็ก)
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล เหล็กถูกนำมาใช้งานมากขึ้น ในช่วงนั้นเหล็กยังไม่ค่อยมีความแข็งแกร่งนักแม้ว่าจะมีส่วนผสมของคาร์บอนเพียงพอ เนื่องจากการขึ้นรูปโดยวิธีการทุบเหมือนทองสัมฤทธิ์ แต่เมื่อเทียบกับทองสัมฤทธิ์แล้ว ดาบที่ทำจากเหล็กจะมีคุณภาพที่ดีกว่า แต่ดาบเหล็กยังคงโค้งงอได้ง่าย ในช่วงนี้เองในกองทัพอียิปต์หันมาใช้แต่เกราะและอาวุธที่ทำจากเหล็กแม้ว่าอียิปต์จะมีอาวุธที่เป็นทองสัมฤทธิ์มากมาย

ดาบที่อยู่ในจักรวรรดิ Parthian และจักรวรรดิ Sassanian ค่อนข้างยาว (ยาวไม่เกิน 100 เซนติเมตร)

นอกจากนี้ ดาบยังถูกนำมาใช้สำหรับการลงโทษ เช่น การตัดแขน ตัดขาหรือแม้กระทั้งตัดศีรษะ อาวุธดาบเป็นอาวุธที่มีเกียรติ โดยเฉพาะสมัยโรมันซึ่งการใช้ดาบจะสงวนสิทธิไว้สำหรับชนชั้นสูง

สำหรับในยุคเหล็กนี้ การใช้ดาบที่โด่งดังมีดังต่อไปนี้

  • สมัยโบราณกรีก-โรมัน
  • สมัยโบราณเปอร์เซีย
  • สมัยโบราณของจีน


ยุคกลาง (Middle Ages)





ดาบสมัยใหม่ (Modern Ages)
ในช่วงสุดท้ายนี้ ดาบทำหน้าที่เป็นอาวุธป้องกันตัวเองมากกว่าการใช้ในการสู้รบ ดาบมีความสำคัญลดลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ดาบเริ่มมีความล้าสมัย สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของปืนที่เพิ่มขึ้น

ดาบ Klewangs
(ก่อนปี ค.ศ. 1889)
อย่างไรก็ตาม ดาบยังคงใช้ในการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Colonial Wars เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนและจักรวรรดิ Colonial ตัวอย่างการใช้ดาบอีกในสงครามคือ 'สงครามอาเจะห์' ได้มีการใช้ดาบที่มีลักษณะที่คล้ายกัยอ้อย มันพิสูจน์แล้วว่าดาบมีประสิทธิภาพมากในการต่อสู้กับกองกำลังชาวดัตช์

ผู้นำ 'Royal Netherlands East Indies Army' มักจะใช้ดาบที่มีขนาดใหญ่ หรือเรียกอีกอย่างว่า "Klewang" (ดาบมีลักษณะเหมือนดาบสมัยใหม่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ปี 1917) กองกำลังติดอาวุธเคลื่อนที่ได้ใช้ปืน Carbines และดาบ Klewangs เอาชนะทหารราบที่ใช้ปืนไรเฟิลได้ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปี 1950 กองทัพหลวงต่าง ๆ พากันชื่นชมในประสิทธิภาพของอาวุธดาบที่เรียกว่า Klewangs

ดาบอย่างต่อเนื่องในการใช้งาน แต่ถูกจำกัดมากขึ้น ดาบเป็นเครื่องแบบพระราชพิธีในข้าราชการทหารและไม่ใช่นายทหารสัญญาบัตร' ตัวอย่างเช่น กองทัพอังกฤษได้พัฒนาดาบมาใช้อย่างเป็นทางการโดยใช้กับทหารม้าในปี 1908



บรรณานุกรม

Wikipedia. (2557). Sword. ค้นข้อมูล วันที่ 7 มกราคม 2558. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Sword